ปริศนาลี้ลับคนไฟลุก Spontaneous Human Combustion
คนไฟลุก เรื่องลี้ลับที่หาคำตอบไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร ร่างกาย และศีรษะจะเกิดเพลิงลุกไหม้เสียหายอย่างรุนแรง แต่ แขน ขา เฟอร์นิเจอร์ และสภาพภายในห้อง โดยมากจะแทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ลองตาม teen.mthai ไปหาความจริงกันคะ .. ปริศนาลี้ลับคนไฟลุก Spontaneous Human Combustion
ปริศนาลี้ลับคนไฟลุก Spontaneous Human Combustio
สิ่งที่เหลือไว้เป็นปริศนา “คนไฟลุก”
ร่างกายของผู้เคราะห์ร้าย จะเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นเอง (แต่จากการชันสูตร ของเคสที่เกิดในปัจจุบันไม่มีเคสใดที่อยู่ๆ ร่างกายมนุษย์จะติดไฟขึ้นเอง ทำให้เข้าใจว่า ในสมัยก่อนอาจจะเกิดจาก การชันสูตรที่ไม่ถี่ถ้วน ละเอียดรอบคอบรึเปล่า)
เหตุการณ์มักจะเกิดขึ้นภายในที่พัก ของ ผู้เคราะห์ร้ายเองโดยมาก ร่างกาย และศีรษะจะเกิดเพลิงลุกไหม้เสียหายอย่างรุนแรง แต่ แขน ขา เฟอร์นิเจอร์ และสภาพภายในห้องแทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลย ในบางกรณีมีการบันทึกในรายงานการสืบสวนว่า ภายหลังจากการเข้าชันสูตร มีรายงานว่าภายในห้องจะพบกลิ่น แปลกๆ ที่มีลักษณะหอมหวาน บ้างมีการพบคราบน้ำมันบนเฟอร์นิเจอร์ บนผนัง ในกรณีที่หายากยิ่งพบว่า ถึงแม้ร่างกายศพจะถูกเพลิงเผาไหม้เป็นจุล แต่อวัยวะภายใน แทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลย
สมมุติฐานที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ คนไฟลุก
มีสมมุติฐาน จำนวนมากที่กล่าวถึงการเกิดคนไฟลุก?แต่มันก็ยังมีข้อโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้สมมุติฐานนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
หากสมมุติฐานเหล่านี้ ไม่ใช่สาเหตุ แล้วอะไรที่ทำให้เกิด คนไฟลุก?หากมันไม่ใช่การลุกไหม้ขึ้นเอง แล้วอะไรที่สามารถอธิบายสภาพศพ ต่างๆที่เกิดขึ้น!
คิดใหม่? นักวิทยาศาสตร์ที่อธิบายด้วย ผลแบบไส้เทียนไข (Wick effect)
- เมื่อผู้เคราะห์ร้ายเกิดหมดสติ โดยก่อนหมดสติ ผู้เคราะห์ร้ายกำลังทำกิจกรรม อะไรบางอย่างเช่น สูบบุหรี่ ทำครัว รีดผ้า อยู่ใกล้เผาผิง หรือ แหล่งความร้อนอื่นๆ
- สมมุติฐานนี้เปรียบร่างกายของผู้เคราะห์ร้ายเหมือนเทียนไข,ไขมันในร่างกายมนุษย์เปรียบเสมือนไขเทียน(น้ำตาเทียน) เสื้อผ้าและเส้นผมเปรียบเสมือนไส้เทียน
- เมื่อไขมันไหลซึม ละลายออกมาเนื่องจากความร้อนที่ลุกไหม้เสื้อผ้า ไขมันเหล่านี้จะไหลซึมเข้าสู่เสื้อผ้า ทำให้กลายเป็นเหมือนขี้ผึ้งที่ซึมเข้าสู่ไส้เทียน ที่กันไม่ให้ไส้เทียนไหม้เป็นเถ้า?และเกิดการลุกไหม้อย่างช้า ไปเรื่อยๆ เท่าที่ยังมีไขมันไหลออกมาเติม ด้วยโมเดลนี้ร่างกายสามารถ ไหม้อย่างช้าจนเป็นเถ้าถ่าน โดยที่แขน ขา ที่ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
ตัวอย่างเคสเหยื่อของปรากฏการณ์คนไฟลุกทั่วตัว
1. ฟิลลิส นิวคอมบ์ Phyllis Newcombe
ในปี ค.ศ. 1938 หญิงอายุ 22 ปีนาม Phyllis Newcombe กำลังปลีกตัวออกจากงานเต้นรำที่ Shire Hall ในเมือง Chelmsford ประเทศอังกฤษ ขณะที่เธอกำลังลงบันไดอยู่นั้น อยู่ๆ เสื้อผ้าเธอก็ติดไฟโดยไร้สาเหตุ จากนั้นเธอก็วิ่งย้อนกลับไปยังห้องบอลลูม แล้วก็ล้มลง หลายคนพยายามเข้าไปช่วยเธอ แต่เธอก็สิ้นใจที่โรงพยาบาล แม้จะมีคนกล่าวว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากบุหรี่ หรือไม้ขีดไฟ ที่โยนขึ้นไปหาเธอขณะที่เธอลงจากบันได แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ยืนยัน เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ L.F. Beccles ได้กล่าวถึงคดีนี้ว่า “จากประสบการณ์ของผม ผมไม่เคยเจอคดีอะไรที่เป็นปริศนามากขนาดนี้มาก่อนเลย”
2. เคาน์เตส คอร์นีเลีย ดิ แบนดิ
ท่านเคาน์เตสแห่งซิเซนา อิตาลี ถูกไฟไหม้ในศตวรรษที่ 18 ตอนเกิดเหตุ สุภาพสตรีสูงศักดิ์อายุ 62 ปี และบรรดาเพื่อนบ้านเห็น ควันสีเหลืองสยอง ล่องลอยออกจากบานประตูของท่านเคาน์เตส วันรุ่งขึ้นสาวใช้เข้าไปดูพบว่าห่างจากเตียง 4 ฟุต มีขี้เถ้าอยู่กองหนึ่ง ขาของท่านเคาน์เตสซึ่งใส่ถุงเท้าอยู่ ที่ไม่มีไฟไหม้อยู่สมบูรณ์ อากาศเต็มไปด้วยเขม่า แต่เฟอร์นิเจอร์และพื้นห้องกลับไม่มีรอยไหม้สักนิด ที่น่าแปลกคือเทียนสองแท่งที่วางบนโต๊ะข้างเตียง เทียนน่ะหลอมละลาย แต่ไส้เทียนนี้สิไม่มีรอยไหม้แต่อย่างใด?ส่วนนี้คือรายที่ดังที่สุด และน่าสงสัยว่ามันเกิดจากปรากฏการณ์ไฟลุกทั่วตัวจริงหรือ
3. ดอกเตอร์จอห์น เออร์วิ่ง เบนทเลย์ J Irving Bently
วันที่ 5 ธันวาคม 1966 รัฐเพนซิลวาเนีย เมืองเคาวเดอร์สปอร์ท นายกอสเนลไปที่บ้านของอดีตหมอ จอห์น เออร์วิ่ง เบนทเลย์ (92) เพื่อดูมีเตอร์แก๊สแทนเจ้าของบ้านซึ่งเดินไม่สะดวก เขาพบว่าบันไดลงไปห้องใต้ดินมีควันดำสีออกน้ำเงินลอยคลุ้งและมีกลิ่นเหม็นฉุนอบอวลไปหมด ด้วยความสงสัย เขาจึงเข้าไปยังห้องน้ำซึ่งเป็นที่มาของควัน ซึ่งที่นั่นเองที่เขาได้พบกับภาพที่เขาไม่สามารถลืมได้ชั่วชีวิต
บนพื้นห้องน้ำมีรูขนาดกว้าง 75 เซนติเมตร ยาว 120 เซนติเมตร และที่ข้างรูนี้เองเขาก็พบขาของเบนทเลย์ซึ่งกลายเป็นสีคล้ำราวกับขาหุ่นตกอยู่ ส่วนอื่นๆของร่างกายนั้นกลายเป็นเถ้าถ่านตกอยู่ในห้องใต้ดินเบื้องล่าง
* ขอค้าน กล่าวกันว่าคดีของเบนทเลย์เป็นปริศนาเพราะเกิดการลุกไหม้ทั้งๆที่ไม่มีเชื้อไฟ แต่ความจริงแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าเบนทเลย์ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นชอบสูบไปป์ และมักทำขี้เถ้าตกใส่เสื้อบ่อยๆ ในวันเกิดเหตุนี้ก็มีการพบขี้เถ้าตกอยู่บนพรมห้องนอนของเบนทเลย์ด้วย จึงเป็นการยืนยันว่าในวันดังกล่าว เบนทเลย์ก็กำลังสูบไปป์อยู่เช่นกัน
นอกจากนี้ ในบันทึกส่วนมากมักจะเขียนว่า เบนทเลย์ถูกเผาจนเหลือแต่ขาขวาข้างเดียว แต่ ในความจริงแล้ว หัวกระโหลกของเขายังเหลืออยู่จากการเผาไหม้นี้ด้วย หากจะสันนิษฐานตาม สภาพที่เกิดเหตุก็ได้ความดังนี้
1. เบนทเลย์ทำขี้เถ้าตกใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ 2. หลายนาทีให้หลัง เสื้อติดไฟ 3. เบนทเลย์รีบมุ่งไปยังห้องน้ำ เมื่อไปถึงเสื้อคลุมก็ติดไฟจนลุกท่วมไปหมดแล้ว เขาจึง ถอดเสื้อคลุมโยนใส่อ่างอาบน้ำ (เสื้อคลุมที่ถูกพบในอ่างน้ำ มีไม้ขีดไฟใส่อยู่ในกระเป๋าด้วย 4. แต่ไฟก็ลามมาติดที่ร่างกายแล้ว ร่างของเบนทเลย์จึงเกิดปรากฏการณ์ Wick Effect ลุกไหม้จนเขาเสียชีวิต
4. แมรี่ รีเซอร์หรือ The Mary Reeser Cinder Lady เป็นคดีที่โด่งดังที่สุดของปรากฏการณ์นี้ก็ว่าได้
ตอนเช้าของวันที่ 2 กรกฎาคม 1951 รัฐฟลอริด้า เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Z St. Betersburg คุณนายคาร์เพนเตอร์ เจ้าของห้องที่เช่ามา หาแมรี่ ฮาร์ดี้ รีเซอร์ที่ห้องของเธอ หากกดกริ่งเรียกแล้วก็ไม่มีเสียงตอบ และเมื่อจะเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าลูกบิดประตูร้อนจัดจนลวกมือ
คุณนายรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากคนงานเป็นเพื่อนบ้านหญิงอีก 2 คน ซึ่งทำงานกันอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อพวกเขาพังประตูเข้าไปในห้องได้ก็พบกับแมรี่ รีเซอร์ ที่เก้าอี้ พร้อมกับวงกลมสีดำรอบๆ ตัวเธอ หัวของเธอถูกเผาจนเหลือขนาดแค่ถ้วยกาแฟ ส่วนอื่นๆ ที่ยังเหลือก็มีแค่กระดูกสันหลัง และเท้าข้างซ้าย พบร่องรอยของไฟน้อยมาก แต่ในคดีนี้ตำรวจสันนิษฐานว่า มีความเป็นไปได้ที่สาเหตุจะเกิดจากบุหรี่ เนื่องจากพบบุหรี่ตกอยู่ และมันสามารถที่จะติดไฟไปยังชุดนอนของเธอ ที่ทำจากใยสังเคราะห์ acetate ได้ (เป็นใยสังเคราะห์ที่ติดไฟได้) * ขอค้านเกี่ยวกับเชื้อไฟนั้น ที่จริงแล้วจากการตรวจที่เกิดเหตุทราบได้ว่าเกิดจากบุหรี่นี่เอง แมรี่มีนิสัยชอบสูบบุหรี่อยู่แต่เดิมแล้ว ประกอบกับก่อนที่เธอจะถูกพบเป็นเถ้าถ่านอยู่ในห้องพัก แมรี่เพิ่งจะโทรศัพท์คุยกับลูกชายว่าเธอได้ทานยานอนหลับไปแล้ว 2 เม็ด และจะทานอีก 2 เม็ดก่อนเข้านอน จึงเป็นไปได้ว่า แมรี่อาจจะเผลอหลับระหว่างที่เธอกำลังสูบบุหรี่อยู่และทำบุหรี่ตกใส่เสื้อ นอกจากนี้จากคำให้การของผู้ที่เห็นเธอเป็นครั้งสุดท้ายกล่าวว่า แมรี่ใส่ชุดนอนและเสื้อคลุมซึ่งล้วนทำจากวัสดุซึ่งติดไฟง่าย และเธอยังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวนซึ่งยัดไส้ด้วยวัสดุที่ติดไฟง่ายเช่นกันอีกด้วย

อีกประการหนึ่ง มักจะกล่าวกันว่าภายในห้องไม่ถูกเพลิงไหม้เสียหาย แต่ในความจริงแล้ว ไฟได้ไหม้เก้าอี้ โต๊ะข้างเก้าอี้ และโคมไฟไปจนหมด ในตอนที่ค้นพบศพนั้น เพดานยังลุกไหม้อยู่ด้วยซ้ำ และจริงอยู่ที่ร่างกายของแมรี่ถูกไหม้เป็นเถ้าถ่านจนแทบไม่เหลือกระดูก แต่ที่บอกว่ากระโหลกของเธอหดตัวจนมีขนาดเท่ากำปั้นนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่จริง เนื่องจากในหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวนี้อยู่กล่าวเพียงว่า”วัตถุทรงกลมซึ่งน่าจะเป็นกระโหลกศีรษะ” (ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นกระโหลกจริงๆ) นักวิจัยชี้ว่าเป็นไปได้ว่าวัตถุดังกล่าวน่าจะเป็นกระดูกส่วนฐานกระโหลกที่เชื่อมกับคอก็เป็นได้
มักจะมีการอ้างว่า การจะเผาร่างกายมนุษย์ให้เหลือแต่เถ้าถ่านนั้นต้องใช้อุณหภูมิ 1370 องศาเซลเซียสขึ้นไปเผาติดต่อกันเป็นเวลา 3 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ที่จริงแล้วใช้อุณหภูมิ 870 – 980 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 1 ชั่วโมงก็สามารถเผาให้เป็นเถ้าถ่านได้แล้ว และถึงจะเป็นอุณหภูมิที่ต่ำกว่า หากใช้เวลาหลายชั่วโมงก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อย่าว่าแต่แมรี่ถูกเผาอยู่ถึง 10 ชั่วโมงด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ไฟซึ่งลุกไหม้ในสถานที่ปิดนั้น จะไม่โหมลุกใหญ่โตเนื่องจากมีออกซิเจนน้อย แต่จะลุกไหม้อยู่ที่ต้นเพลิงทีละน้อยเท่านั้น ในกรณีของแมรี่นี้ ห้องของเธอเป็นพื้นคอนกรีตจึงมีสภาพปิดตายและทำให้ไฟไม่ลามไปยังที่อื่นมากนัก
5. จีนนี่ แซฟฟิน Jean Lucille “Jeannie Saffin”
15 กันยายน 1982 จีนนี่ แซฟฟิน (61) ซึ่งพักรักษาตัวโรคทางสมองอยู่กับน้องสาว กำลังนั่งอยู่กับคุณพ่อวัย 82 ปีของเธอที่บ้านในเมือง Edmonton ตามคำบอกเล่าของคุณพ่อของเธอ เขาบอกว่าได้เห็นแสงไฟแว่บผ่านตาของเขา และเมื่อเขาหันกลับไปมองลูกสาวของเขา เขาก็พบว่าท่อนบนของหล่อนลุกเป็นไฟ เขาและลูกเขยนาม โดนัลด์ คาร์โรลพยายามที่จะดับไฟ แต่ทว่า จินี่ก็เสียชีวิตจากสาเหตุของการถูกไฟคลอกระดับ 3 หลังจากเข้าโรงพยาบาลได้ 1 สัปดาห์
โดนัลด์ คาร์โรลซึ่งเป็นน้องเขยกล่าวว่า จีนนี่มีรอยไหม้เพียงที่ส่วนศีรษะ แขนและบางส่วนของเสื้อที่ใส่อยู่โดยที่ไฟไม่ได้ลามไปที่อื่น โดยเฉพาะใบหน้าและภายในปากนั้นเป็นแผลไฟไหม้อย่างหนัก และในที่เกิดเหตุไม่มีเชื้อไฟอยู่เลย และไม่มีควัน หรือความเสียหายจากไฟภายในห้องสักนิด?”ไฟมันออกมาจากปากของเธอเหมือนกับว่าเธอเป็นมังกร และมันก็ส่งเสียงดังมาก”
* ขอค้านความพิสดารของคดี
นี้อยู่ตรงที่จีนนี่พ่นไฟออกจากปากและในปากของเธอมีแผลไฟไหม้ด้วย แต่ตามบันทึกที่หลงเหลืออยู่จริง แพทย์ชันสูตรได้กล่าวว่า”มีขี้เถ้ามีที่จมูกก็จริง แต่ในปากไม่มีแผลใดๆ” นอกจากนี้ ยังไม่มีรอยแผลไฟไหม้ภายในร่างกายอีกด้วย
ถ้าเช่นนั้นเรื่องจินนี่พ่นไฟมาจากที่ไหน? ที่จริงแล้วรายละเอียดดังกล่าวถูกเพิ่มเติมขึ้นในการสัมภาษณ์โดนัลด์ คาร์โรลในอีก 12 ปีให้หลังจากคดี มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเรื่องที่แต่งเติมขึ้นโดยนักข่าวคอลัมภ์อีกที
ส่วนเชื้อไฟนั้น ตอนที่เกิดเหตุ จีนนี่นั่งอยู่ในครัวกับแจ๊ค แซฟฟินซึ่งเป็นพ่อ ก่อนเกิดเหตุ แจ๊คกำลังสูบไปป์และหน้าต่างก็เปิดอยู่ จึงพอจะสันนิษฐานได้ว่า ลมได้พัดเอาขี้เถ้าจากไปป์ไปติดยังเสื้อของจีนนี่ และจากคำให้การของตำรวจซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุว่า”เมื่อตอนที่ผมไปถึง เสื้อของเธอยังมีไฟลุกอยู่” หมายความว่าที่ไฟไหม้นั้น ไม่ใช่จากหน้าของเธอ แต่เป็นจากเสื้อของเธอมากกว่านั่นเอง
ที่มาข้อมูล science.howstuffworks.com/shc.htm,autumnforestghosthunter.blogspot.com,listverse.com,und3rw0rld.wordpress.com,weird-websites.com,wowboom.com,blog.eduzones.com
คน ไฟ ลุก, คนไฟลุก สาเหตุ, คนไฟลุก อนิเมะ, หน่วยผจญคนไฟลุก, คนไฟลุก anime, หน่วยผจญคนไฟลุก 17, คนไฟลุก การ์ตูน, คนไฟลุก ตอนที่ 1, หน่วยผจญคนไฟลุก anime sugoi