สธ. เตือน สปาปลาแหล่งเพาะเชื้อโรค
ให้ระมัดระวังติดโรคจากนํ้า
9 มี.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า นพ. สมชัย ภิญโญพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยถึงการทำสปาปลาที่กำลังเป็นที่นิยมอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อต่างๆได้ว่า สปาปลาที่มีการทำกันอยู่นั้นอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ผ่านน้ำ ตัวปลา โดยผู้ที่มาใช้บริการที่เป็นแผล หรือเป็นโรคทางผิวหนังในบริเวณที่มีมีการทำสปา
ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการทำสปาปลาควรทำความสะอาดเท้าก่อนที่จะใช้บริการ และตรวจดูก่อนว่ามีแผล หรือ มีอาการติดเชื้ออยู่หรือไม่ ด้านผุ้ให้บริการก็ควรมีระบบกรองที่ละเอียดเพียงพอ ให้มีการไหลเวียนของน้ำ โดยบางแห่งไม่สามารถทำได้ก็อาจใช้แสง UV ฆ่าเชื้อแต่ต้องใช้ในปริมาณและขนาดแสงที่เหมาะสมแทน
ขณะที่สิ่งสำคัญ 3 ประการคือ ผู้ที่คิดจะมาใช้บริการควรตระหนักว่า เป็นคนที่ไม่มีแผล ไม่เป็นโรคทางผิวหนัง อาทิ เชื้อรา หรือโรคติดต่ออื่นๆ และคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานควรระมัดระวัง เนื่องจาก เท้าติดเชื้อได้ง่าย โดยเมื่อเป็นแผลแล้วจะรักษาได้ยาก
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสปาปลาที่โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี ว่า เป็นธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มสปา มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขดูแลใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.กลุ่มสปา 2.กลุ่มนวด และ3.กลุ่มนวดเพื่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรองตามพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ หากผิดมาตรฐานจะถูกถอนการรับรอง โดยต้องขึ้นกับกระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.สถานบริการ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีประเด็นเรื่องน้ำ หากไม่สะอาด ไม่มีการเปลี่ยนน้ำ มีผู้ใช้บริการซ้ำๆ จำนวนมาก จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยเฉพาะที่ผิวหนัง ถ้าผู้ไปใช้บริการมีแผล อาจจะเป็นทั้งพาหะของเชื้อและเป็นผู้รับเชื้อ อาทิ ผู้ที่เป็นวัณโรคเทียมที่มีปัญหามีเชื้อที่ผิวหนัง เชื้อก็จะลงไปที่น้ำ เมื่อปลากินเข้าไปและคายออกมา เชื้อก็ยังอยู่ในน้ำ หากมีคนมาใช้บริการต่อและมีแผลก็มีโอกาสรับเชื้อเข้าไป
เบื้องต้นจะต้องปรับปรุง โดยมีการกรองผู้ที่เข้าใช้บริการสปาปลา ถ้ามีแผลไม่อนุญาตให้ใช้บริการ รวมถึงจะต้องเปลี่ยนน้ำปลาบ่อยๆ เป็นต้น โดยจะได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเชิญประชุมผู้ประกอบธุรกิจสปาปลามาทำชี้แจงทำความเข้าใจ ซึ่งประเทศไทยมีสปาโดยรวม 1,341 แห่ง
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
No comments:
Post a Comment